การเปรียบเทียบตัวเอง
การเปรียบเทียบตัวเอง คือสิ่งที่ต้องทำอย่างเดียว ทำให้ดีกว่าเดิมพอแล้วทำให้ดีกว่าเดิมไปเรื่อยๆ และทำอย่างมีวินัยโฟกัสที่ตัวเอง ตัวผมเองได้ลองใช้กฎตรงนี้ ก็ทำให้ผมผ่อนคลายขึ้นเยอะมากเลย เมื่อก่อนผมเคย ผมมีน้ำหนักตัวที่เยอะ ผมเคยวิ่งตอนนั้นก็ติดมากเลยตอนนั้น วิ่งได้เป็น 10 – 15 กิโลบางวัน 16 กิโลบ้าบอมากเลย วันหนึ่งหยุดวิ่งไป กลับมาวิ่งครั้งหนึ่งเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากเลยอ่ะ 500 เมตรแรกเลยแย่มากเลยแล้วก็รู้สึกท้อมากเลย เวลาไปวิ่งไม่เห็นคนที่แบบโอโหเขาวิ่งตัวเท่าๆ เราวิ่งไปไกลกว่าเรา
วิ่งเล่นนานกว่าเราอีกเยอะมากเลย ถ้ากลับไปดูเพื่อนเก่าที่วิ่งแซงเราไปแล้ว ท้อมากเลย แต่สิ่งหนึ่งที่มันโอเคมากเลยก็คือแค่คิดว่าโอเคช่างเข้าไป แล้วตัวเองมาทำลายสถิติทุกวันเมื่อวานวิ่งได้ 500 วันนี้ขอ 700 เมื่อวานวิ่ง 1 กิโลเมตรใช้เวลา 7 นาที วันนี้ 6 นาทีทุกวันนี้ดีกว่าเดิมไปเรื่อยๆ สามารถวิ่งติดต่อกันได้ตั้ง 11 กิโลเมตรภายในเวลาไม่ถึง 2 อาทิตย์เองด้วยความคิดที่ว่าต้องทำให้ดีกว่าวันก่อน ทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองทรงตัวในความเร่งเท่านี้ ในระยะทางเท่าเนี้ย มันก็ทำได้ ทำได้เลยจากการใช้กฎแบบนี้ทุกๆ อย่างที่ทำเช่นกัน ไม่ต้องกดดันตัวเองถึงขนาดว่า
ต้องเป็นเหมือนไอดอลเป็นเหมือนต้นแบบ มันจะกดดันตัวเองเยอะเกินไปทำให้ดีกว่าเดิมไปเรื่อยๆ วันนี้ 10% พรุ่งนี้ 20% วันมะรืน 60-70 เปอร์เซ็นต์เป็นร้อยเปอร์เซ็นต์โดยไม่รู้ตัว หยุดเปรียบเทียบกับคนอื่นซะที ถ้าเราดีกว่ามันก็ทำให้เราไม่พัฒนา แต่ถ้าเราแย่กว่าเรายิ่งท้อแท้มันไม่เกิดสิ่งใหม่ๆ ต้องทำยังไงถึงจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ล่ะ นั่นคือการไปให้ไกลกว่าความเชื่อที่คอยจำกัดตัวเองไว้ เขียนว่าผมรักการ์ตูนสั้นเป็นช่อง 9 เรื่องมากเลยเรื่องที่ชื่อว่าชู โดยแจ๊ซแมกโนลีย์ ตอนที่พ่อแม่เป็นเรื่องที่ตัวละครที่กำลังขว้างลูกบอลในการแข่งขันเบสบอลไปสู่ผู้ตี
ส่วนคนที่อยู่ที่เป็นผู้รับอยู่ข้างหลัง ก็เป็นผู้ตัดทอนกำลังใจว่าทำไม่ได้หรอก แต่ในขณะเดียวกันก็พูดให้นายต้องศรัทธารูปภาพแนวโค้งของตัวเองนะ เขาเถียงในใจว่าเฮ้ยนายก็พูดง่ายสิ แล้วก็บ่นๆถ้าเป็นเรื่องศรัทธาในตัวเองแล้วก็ ฉันยังไม่มีหรอก ฉันยังไม่เชื่อเลยว่าพระเจ้ามีจริงๆ ความคิดแบบนี้ในบทสนทนาแบบนี้เป็นบทสนทนาที่แย่ๆ สร้างความเลวร้ายกับความเชื่อของตัวเองว่า ตัวเองจะทำไม่ได้ขีดจำกัดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา จะเป็นจุดเล็กๆ ที่เราทำลายมันไม่ได้อยากตั้งขีดจำกัดของตัวเองไว้เด็ดขาด พูดไว้ว่าเมื่อคนเราตั้งข้อจำกัดในสิ่งที่ตัวเองจะลงมือทำ เท่ากับเรากำลังจำกัดความสามารถของตัวเองซะแล้ว ฉะนั้นลิมิตของตนเองมันมีอยู่ตั้งแต่ไม่ได้ทำละ หรือแม้กระทั่งลงมือทำก็ยังมีการตั้งค่าขีดจำกัดของตัวเองไว้ทำให้ตัวเองไม่พัฒนา
ต้องทำรายมันต้องยืดหยุ่นขีดจำกัด มีไว้เพื่อให้ปลอดภัยแล้วก็ทำอย่างสนุกสนานก็เพียงพอ แต่หากจะพูดในการทำงานการเรียน การพัฒนาตัวเองต้องทำลายขีดจำกัดของตัวเองอย่างสม่ำเสมอและค่อยเป็นค่อยไป ความเชื่อที่คอยฉุดรั้งคุณไว้มันจะทำให้ขุ่นไม่เกิดความเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นการที่ทำให้คุณเปลี่ยนแปลง มันคือการทำลายขีดจำกัดของตัวเอง จากความคิดโดยเอาเหตุผลมาประกอบว่า ถ้าอยากจะเรียนภาษากำลังกายทำกิจกรรมใหม่ๆ ให้ประสบความสำเร็จจงเอาข้อดีของการทำสำเร็จหรือทำให้ดีขึ้นมาเติมเต็มให้ท่านมีกำลังใจทำต่อเช่น ตารางเรียนภาษาอังกฤษกำลังท่องศัพท์ทีละตัว เห็นคนพูดภาษาอังกฤษน้ำไหลไฟดับเลย อย่าไปเปรียบเทียบกับเขา ความเก่งต้องอาศัยการเติมโตเป็นเรื่องจริง เราทุกคนเป็นคนห่วยๆมาก่อน เราเก่งได้เพราะคุยกับเจ้านายบ้างคุยกับเพื่อนฝูงในพื้นที่ร่วมงานบ้างเพราะเขาจะต้องทำงานกันเป็นทีม
ต่อให้ไม่ชอบคุยรอยยิ้มก็ยังเป็นตัวนำทางให้ฉันฟังได้รับมีแต่ภาพกับหลานเสมอ มันอยู่ที่การทำอะไรนัก แบ่งเวลาความชัดเจนมันเป็นยังไง ถ้าลูกเราต้องตั้งเป้าหมายชัดเจนอยู่แล้วถ้าลูกฟังก็ยังต้องชัดเจนในกระบวนการซะด้วยกระบวนการชัดเป้าหมายชัดความคิดชัดจิตใจชัด มันก็เห็นผลความฝันก็เป็นจริงได้ง่ายขึ้น และมีความอยากจะสวยขึ้นตั้งเป้าปีนี้จะต้องสวยขึ้น แล้วจะสวยขึ้นต้องทำอย่างไรบ้างล่ะดูแลผิวหรือเปล่ากินของดีๆ หรือเปล่าหรือต้องอารมณ์ดีๆ หรือเปล่าพักผ่อนเพียงพอหรือเปล่าชาติมีความคิดและชัดในกระบวนการทัศน์ในการทำล่ะอ้าวต้องกินของดีๆ ของทอดแบบนี้ไม่ได้อ่านถือว่าชัด 1
ใช่ไหมต้องดูแลตัวเองดีๆ ทำยังไงบ้างต้องนอนพักผ่อนเพียงพอ 2 และต้องหาอะไรมาประทินผิวชัด 3 ละต้องไม่ใช้ชีวิตอย่างเครียดหรือกดดันอารมณ์ดีจิตใจดีเลือดสูบฉีดชัก 4 ยังไม่ตื่นตัวในข้อแรกเห็นเป้าหมายชัด กระบวนการชัดความคิดชัดจิตใจชัดทำงานทุกขั้นตอนชัดไปหมด ทำให้ฝันเป็นจริงได้คืนอุปนิสัยที่ 3ล่ะทำยังไงทำให้ฝันฟังเป็นจริงง่ายขึ้นก็คือ ตัดความสำคัญก่อนหลังเหมือนที่ผมกล่าวไปแล้วข้างบนก็คือเกี่ยวกับเร่งด่วน สำคัญเร่งด่วนอันนี้ถ้าท่านมีคุณวุฒิ วัยวุฒิมาประมาณหนึ่งนะ เอาแค่วัยกลางคนก็พอผมว่าคงจะเคยได้ยินเรื่องนี้อยู่แล้วเช่น and Important เร่งด่วนสำคัญมากเลย
หรือนอนเล่นครับก็คงได้ยินกันมาแล้วนะแบ่งความสำคัญพรุ่งนี้ทำยังไงก็ทำอย่างที่ได้กล่าวไป เรื่องการปูนิสัยเบื้องต้นแล้วถ้าลงลึกอีกล่ะ ทำยังไงนะมันถึงจะจัดลำดับได้ก็คือต้องจากความสำคัญอยู่ที่การจัดลำดับ ของสิ่งที่จะต้องทำไม่ได้หมายความว่าการจัดลำดับ ของความเร่งด่วนจะต้องเป็นตัวหลัก แต่หมายถึงการจัดลำดับของความสำคัญต่างหากเพราะสิ่งที่เราจะต้องทำบ่อยครั้งในชีวิต เรามักจะทำในสิ่งที่เร่งด่วนไม่สำคัญ ก่อนเสมอเลยไม่เคยเจอเลยสำคัญแล้วก็เร่งด่วนทำสิ่งที่เร่งด่วนเสมอ เพราะว่าอะไรมันถูกตีนะ ฟังถูกตีมาที่นี้ๆ ทำเช่นวันนี้ท่านจะต้องไปสอบอนุบาลต้องอ่านหนังสือทบทวนนู่นนี่นั่นอยู่ดีๆ เพื่อนส่ง Message มา LINE มาคุยแกมีปัญหาจริงๆ แกต้องคุยกับฉันตอนนี้เลยนะเว้ยฉันไม่เข้าใจข้อมูลข้อนี้น่ะ ถ้าไม่ตอบตอนนั้นแย่มากแย่เร่งด่วนไหม เร่งด่วนแต่มันสำคัญไหมก็ยังไม่ได้สำคัญขนาดนั้น
สามารถปฏิเสธก็ได้ว่ะเฮ้ย เดี๋ยวฉันขออ่านของฉันก่อนนะเดี๋ยวฉันจะส่งมาให้ทำได้จริงๆ ให้ลูกฟังกำลังจะออกหูออกไปออกกำลังกายอยู่นะ ตอนเย็นถึงเวลา 17:00 น ละอยู่ดีๆ คุณแม่กินข้าวด้วยกันสิ พ่อเขาจะไม่อยู่แล้วนะลูกไปหยิบ คงเก็บผ้าหยิบเงินหยิบนี้ให้แม่หน่อยสินะตายอยู่แล้วประเมินเวลาโอ้โหเก็บผ้าเรานี้ 15 นาทีไปไม่ทันกลับมาเก็บที่หลังได้ไหมหรือช่วยแม่อย่างงู้นอย่างงี้น่ะสิ กลับมาทำทีหลังได้ไหมถามได้ฟังต้องทำงานอะไรฮะ เลือกความสำคัญที่เร่งด่วนและสำคัญก่อนอย่าเลือกที่มันเร่งด่วน แต่ไม่สำคัญเพราะนั่นจะทำให้ท่านไปถึงเป้าหมายได้ กาหลงและซับซ้อนมากขึ้นไอ้ตรงนี้เอง ถ้าลูกหลานต้องทำโดยไม่คิดว่าอะไรสำคัญก่อนหลังนะ แต่ต้องคิดว่าเฮ้ยมันเร่งด่วนแล้วมันสำคัญไหม แต่ตอนนี้ต้องทำตั้งธงแล้วก็วิ่งไปแล้วที่เหลือฝากให้คนอื่นทำการจับกุมความสำคัญแบบนี้ ในสิ่งที่ท่านจะต้องทำแต่ละวันรวมแม้กระทั่งงาน ทำให้ท่านสามารถจัดทรัพยากรที่เรียกว่าเวลาได้เลยแล้วมันจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นมากๆ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ การพูด